top of page
Luxury Modular Homes
f2790b221466510756dc8e031a95d181.jpg
A blue house surrounded by nature

รับสร้างบ้าน / Cafe / ร้าน

บ้านฉ่ำโชคก่อสร้าง เราเชี่ยวชาญในงานก่อสร้างบ้าน-ต่อเติม, คาเฟ่ และร้านค้าทุกประเภท ด้วยประสบการณ์การก่อสร้างที่ยาวนาน เราพร้อมให้บริการตามความต้องการของคุณลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบ้านที่พร้อมอยู่อาศัย ต่อเติมส่วนต่างๆของบ้าน หรือสร้างร้านค้าที่รองรับการทำธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยทีมงานมืออาชีพที่ใส่ใจทุกรายละเอียดตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงการส่งมอบบ้านหรือร้านให้คุณลูกค้า โดยไม่ต้องกังวลเรื่องวัสดุ เราเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพเพื่อให้บ้านและร้านของคุณลูกค้ามีความทนทานและมีความสวยงามที่ยาวนาน สร้างสรรค์ทุกพื้นที่ให้เหมาะสมกับการพักอาศัยและการใช้งาน

ขั้นตอนการทำงาน

เสนอราคา.png
เริ่มก่อสร้าง.png
ทำงานเสร็จสิ้น.png
พูดคุยรายละเอียด.png

รับสร้างบ้าน - ต่อเติม รูปแบบต่างๆ

Modern House with a Pool

1. สไตล์โมเดิร์น (Modern Style)

  • เน้นความเรียบง่าย ใช้เส้นสายที่ตรงและชัดเจน พื้นที่เปิดโล่ง และวัสดุทันสมัย เช่น กระจก เหล็ก และปูนเปลือย

  • จุดเด่น:

    • ดูโปร่ง โล่ง และทันสมัย

    • ลดการตกแต่งที่ไม่จำเป็น

    • ประหยัดพลังงานด้วยการออกแบบช่องแสงธรรมชาติ

2. สไตล์มินิมอล (Minimal Style)

  • เน้นความเรียบง่าย ไม่มีสิ่งของเกินจำเป็น ใช้โทนสีขาว เทา หรือเอิร์ธโทน

  • จุดเด่น

    • ให้ความรู้สึกสงบและสะอาดตา

    • ลดความวุ่นวายในพื้นที่

ced467d5-4dc1-4604-adec-042d7b2cebd4.jfif
อพาร์ทเมนท์สไตล์ลอฟท์

3. สไตล์ลอฟท์ (Loft Style)

  • ได้แรงบันดาลใจจากโรงงานเก่า ใช้วัสดุแบบดิบ ๆ เช่น ปูนเปลือย อิฐ และเหล็ก

  • จุดเด่น:

    • ดีไซน์ดิบเท่ มีเอกลักษณ์

    • เพดานสูง และพื้นที่เปิดโล่ง

4. สไตล์คลาสสิก (Classic Style)

  • เน้นความหรูหรา มีรายละเอียดซับซ้อน เช่น เสาโรมัน การตกแต่งด้วยลวดลายแกะสลัก

  • จุดเด่น:

    • ให้ความรู้สึกหรูหราและสง่างาม

    • ใช้วัสดุคุณภาพสูง เช่น หินอ่อน

07e93004df6197a19b6662c4dca4e633_edited.jpg
0af3bee59d96c3bd5c6e0f48cc657be9_edited.jpg

5. สไตล์วินเทจ (Vintage Style)

  • เน้นการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ย้อนยุค หรือของตกแต่งที่มีเสน่ห์แบบโบราณ

  • จุดเด่น:

    • สร้างบรรยากาศอบอุ่น

    • มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

6. สไตล์ไทยประยุกต์ (Thai Contemporary Style)

  • ผสมผสานความเป็นไทยดั้งเดิมกับการออกแบบสมัยใหม่ เช่น หลังคาทรงจั่ว และการใช้ไม้เป็นวัสดุหลัก

  • จุดเด่น:

    • เหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทย

    • ให้บรรยากาศแบบไทย ๆ ที่ร่วมสมัย

บ้านชานเมือง
5054e3f34e9c4c181e3f870363fb84dd.jpg

7. สไตล์สแกนดิเนเวียน (Scandinavian Style)

  • เน้นความเรียบง่าย อบอุ่น และการใช้แสงธรรมชาติ ใช้โทนสีอ่อน เช่น ขาว ครีม หรือพาสเทล

  • จุดเด่น:

    • มีความอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ

    • เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก

8. สไตล์รีสอร์ท (Resort Style)

  • เน้นการออกแบบที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ เช่น การใช้วัสดุไม้ หิน หรือการจัดสวน

  • จุดเด่น:

    • บรรยากาศผ่อนคลายเหมือนพักผ่อนในรีสอร์ท

    • เหมาะสำหรับบ้านพักตากอากาศ

5ba6f346873732457e4ccacfa5cbe7bc_edited.jpg
4d280ec85ec88d30a524196a0026a8a6_edited.jpg

9. สไตล์ทรอปิคอล (Tropical Style)

  • ได้แรงบันดาลใจจากสภาพอากาศร้อนชื้น เช่น การใช้ไม้ไผ่ หลังคาทรงสูง และการระบายอากาศที่ดี

  • จุดเด่น:

    • เหมาะกับบ้านในเขตร้อน

    • ใช้พื้นที่สีเขียวในการตกแต่ง

10. สไตล์ญี่ปุ่น (Japanese Style)

  • เน้นความเรียบง่ายและสงบ ใช้ไม้ กระดาษ และวัสดุธรรมชาติ

  • จุดเด่น:

    • สร้างบรรยากาศที่สงบและผ่อนคลาย

    • การใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ

e2e8acdfe3a73b2762c41aac41db6cfd_edited.jpg
บ้านอิฐ

11. สไตล์คอทเทจ (Cottage Style)

  • บ้านขนาดเล็กที่ตกแต่งแบบชนบทในยุโรป มีสวนดอกไม้รอบบ้าน

  • จุดเด่น:

    • ให้บรรยากาศอบอุ่นและน่ารัก

    • การตกแต่งด้วยวัสดุธรรมชาติ

12. สไตล์อินดัสเทรียล (Industrial Style)

  • ใช้วัสดุแบบดิบ เช่น อิฐเปลือย ท่อเหล็ก และพื้นปูน

  • จุดเด่น:

    • สไตล์ดิบเท่และเป็นเอกลักษณ์

    • นิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่

80b5274002faca54df088af2aec437b9_edited.jpg
88227c02818c25c17599904d1fb8e7b9_edited.jpg

13. สไตล์โบฮีเมียน (Bohemian Style)

  • เน้นการตกแต่งด้วยสีสันสดใส ลวดลายหลากหลาย และเฟอร์นิเจอร์ที่ผสมผสานหลายรูปแบบ

  • จุดเด่น:

    • สร้างความสนุกสนานและความอบอุ่นในพื้นที่

    • เหมาะสำหรับคนที่ชอบความอิสระ

14. สไตล์ฟาร์มเฮ้าส์ (Farmhouse Style)

  • บ้านสไตล์ชนบทในอเมริกา ใช้ไม้และสีเอิร์ธโทนเป็นหลัก

  • จุดเด่น:

    • บรรยากาศอบอุ่นและเรียบง่าย

    • การตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้

3bc2f32f296d181dbb715d0d25503ccc_edited.jpg
12bc8d07856256facd80e58704c0f9d8_edited.jpg

15. สไตล์โคโลเนียล (Colonial Style)

  • สไตล์ตะวันตกที่ผสมผสานความดั้งเดิมและสมัยใหม่ เช่น บ้านทรงยุโรปในยุคอาณานิคม

  • จุดเด่น:

    • ให้ความรู้สึกหรูหราและคลาสสิก

    • โดดเด่นด้วยรูปทรงและการตกแต่ง

รับก่อสร้าง Cafe รูปแบบต่างๆ

3e8eff41f148be7bd18f1b4387abdf83.jpg

1. คาเฟ่สไตล์มินิมอล (Minimal Style Café)

  • เน้นการออกแบบที่เรียบง่าย โปร่งโล่ง ใช้โทนสีอ่อน เช่น ขาว ครีม เทา และเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อน

  • จุดเด่น:

    • ให้ความรู้สึกสงบและอบอุ่น

    • เน้นพื้นที่โล่งที่ถ่ายรูปง่าย

    • ประหยัดต้นทุนในการตกแต่ง

2. คาเฟ่สไตล์ลอฟท์ (Loft Style Café)

  • ใช้ความดิบเท่ของวัสดุ เช่น อิฐเปลือย ปูนเปลือย เหล็ก และไม้

  • จุดเด่น:

    • ให้บรรยากาศเท่ ๆ และทันสมัย

    • เหมาะกับลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่

    • ไม่จำเป็นต้องตกแต่งมาก แต่ต้องจัดแสงให้ดูดี

คอนกรีตกำแพงคาเฟ่
1c-Foxhole-26-EDITED-1024x557.jpg

3. คาเฟ่สไตล์วินเทจ (Vintage Style Café)

  • ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ย้อนยุค วัสดุไม้ หรือของเก่าสะสม

  • จุดเด่น:

    • บรรยากาศอบอุ่นและคลาสสิก

    • เหมาะสำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบความย้อนยุค

    • ดึงดูดลูกค้าที่ชอบถ่ายรูปแนววินเทจ

4. คาเฟ่สไตล์ธรรมชาติ/ทรอปิคอล (Nature/Tropical Style Café)

  • ใช้พืชสีเขียว วัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ ไผ่ และตกแต่งด้วยต้นไม้หรือสวน

  • จุดเด่น:

    • สร้างความรู้สึกผ่อนคลาย

    • เหมาะสำหรับการพักผ่อนในบรรยากาศธรรมชาติ

    • เหมาะกับพื้นที่กลางแจ้ง

แถบ
c32ce9921bb9bf2ee233a52d114949f4_edited.jpg

5. คาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่น (Japanese Style Café)

  • ได้แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมญี่ปุ่น เช่น เสื่อทาทามิ โต๊ะเตี้ย ไม้ไผ่ และโคมไฟกระดาษ

  • จุดเด่น:

    • บรรยากาศสงบเรียบง่าย

    • ดึงดูดลูกค้าที่ชอบสไตล์มินิมอลแบบเอเชีย

    • เมนูมักเน้นเครื่องดื่มและขนมสไตล์ญี่ปุ่น

6. คาเฟ่สไตล์อินดัสเทรียล (Industrial Style Café)

  • ใช้วัสดุโลหะ เหล็ก และไม้ โชว์โครงสร้างอาคาร เช่น ท่อเหล็ก หรือสายไฟ

  • จุดเด่น:

    • บรรยากาศดิบเท่และมีเอกลักษณ์

    • เหมาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่หรือสายอาร์ต

    • มักตกแต่งให้ดูทันสมัยแต่ยังคงความดิบ

804c15e1d70e2de6ee6230f465826e64_edited.jpg

7. คาเฟ่สไตล์โบฮีเมียน (Bohemian Style Café)

  • ใช้ลวดลายผ้าทอ ของตกแต่งสีสันสดใส และเฟอร์นิเจอร์ที่ดูมีความเป็นอิสระ

  • จุดเด่น:

    • บรรยากาศสนุกสนานและเป็นกันเอง

    • ดึงดูดลูกค้าที่ชอบความสดใสและสีสัน

    • ตกแต่งง่ายด้วยของตกแต่งงานแฮนด์เมด

8. คาเฟ่สไตล์รีสอร์ท (Resort Style Café)

  • เน้นบรรยากาศเหมือนรีสอร์ท ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้และพื้นที่เปิดโล่ง

  • จุดเด่น:

    • บรรยากาศเหมาะสำหรับการพักผ่อน

    • เหมาะสำหรับลูกค้าที่มองหาที่หลบหนีความวุ่นวาย

    • มักตั้งในพื้นที่ต่างจังหวัดหรือสถานที่ท่องเที่ยว

เคาน์เตอร์คาเฟ่
เคาน์เตอร์คาเฟ่

9. คาเฟ่แนวคอนเซ็ปต์ (Concept/Theme Café)

  • คาเฟ่ที่มีธีมเฉพาะ เช่น ธีมภาพยนตร์ การ์ตูน หรือยุคใดยุคหนึ่ง

  • จุดเด่น:

    • ดึงดูดกลุ่มลูกค้าสายถ่ายรูปและผู้ที่ชื่นชอบธีมพิเศษ

    • สามารถสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง

    • ต้องอัปเดตธีมให้เข้ากับเทรนด์

10. คาเฟ่สไตล์สแกนดิเนเวียน (Scandinavian Style Café)

  • เน้นการตกแต่งที่โปร่งโล่ง ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อน โทนสีขาว ครีม หรือพาสเทล

  • จุดเด่น:

    • ให้ความรู้สึกอบอุ่นและทันสมัย

    • เหมาะกับการจัดพื้นที่เล็ก ๆ ให้ดูโปร่ง

ที่นั่งกลางแจ้ง
กระต่ายมีความสุข

11. คาเฟ่สัตว์เลี้ยง (Pet Café)

  • มีสัตว์เลี้ยงในร้าน เช่น แมว สุนัข หรือสัตว์ชนิดอื่น ๆ

  • จุดเด่น:

    • เหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่รักสัตว์

    • สร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร

    • ต้องเน้นการดูแลสัตว์และรักษาความสะอาด

12. คาเฟ่สไตล์โฮมมี่ (Homey Style Café)

  • ตกแต่งเหมือนอยู่บ้าน ใช้เฟอร์นิเจอร์อบอุ่น เช่น โซฟาและโต๊ะไม้

  • จุดเด่น:

    • บรรยากาศเป็นกันเองเหมือนอยู่บ้าน

    • เหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการนั่งชิลนาน ๆ

Cafe มหาดไทย
โต๊ะกลางแจ้ง

13. คาเฟ่สไตล์เอาท์ดอร์ (Outdoor Style Café)

  • มีที่นั่งในสวนหรือลานกลางแจ้ง เน้นความใกล้ชิดธรรมชาติ

  • จุดเด่น:

    • เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีวิวสวย

    • ตอบโจทย์คนที่ชอบบรรยากาศกลางแจ้ง

14. คาเฟ่ผสมผสาน (Multi-Function Café)

  • เป็นคาเฟ่ที่รวมบริการหรือสินค้าหลายอย่าง เช่น คาเฟ่ที่มีร้านหนังสือ ขายของตกแต่งบ้าน หรือพื้นที่ทำงาน

  • จุดเด่น:

    • เพิ่มมูลค่าด้วยบริการที่หลากหลาย

    • เหมาะกับกลุ่มลูกค้าหลายประเภท

Open Work Space

รับก่อสร้าง Shop รูปแบบต่างๆ

หน้าแรกและดีไซน์สโตร์

1. ร้านค้าสไตล์มินิมอล (Minimal Style Shop)

  • เน้นการออกแบบเรียบง่าย ใช้โทนสีขาว เทา ครีม หรือเอิร์ธโทน และตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่มีเส้นสายตรง

  • จุดเด่น:

    • สร้างความรู้สึกสะอาด โล่ง และทันสมัย

    • เหมาะสำหรับร้านขายสินค้าแฟชั่น เครื่องประดับ หรือสินค้าไลฟ์สไตล์

    • ตอบโจทย์คนที่ชอบบรรยากาศกลางแจ้ง

2. ร้านค้าสไตล์ลอฟท์ (Loft Style Shop)

  • ใช้วัสดุดิบ เช่น ปูนเปลือย อิฐเปลือย เหล็ก และไม้ เพื่อสร้างบรรยากาศเท่ ๆ

  • จุดเด่น:

    • ให้ความรู้สึกดิบเท่และมีเอกลักษณ์

    • เหมาะสำหรับร้านขายสินค้าแฟชั่น รองเท้า หรือร้านที่เน้นความเท่

ร้านเซรามิก
ผู้ชายช็อ��ปปิ้ง

3. ร้านค้าสไตล์วินเทจ (Vintage Style Shop)

  • ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และของเก่าสไตล์ย้อนยุค ใช้โทนสีอบอุ่น เช่น น้ำตาล ทอง และสีพาสเทล

  • จุดเด่น:

    • ให้บรรยากาศอบอุ่นและมีเสน่ห์เฉพาะตัว

    • เหมาะสำหรับร้านขายของตกแต่งบ้าน เสื้อผ้าวินเทจ หรือร้านขนมโบราณ

4. ร้านค้าสไตล์โมเดิร์น (Modern Style Shop)

  • การตกแต่งที่ทันสมัย ใช้เส้นสายตรง วัสดุสะท้อนแสง เช่น กระจก และไฟ LED

  • จุดเด่น:

    • ดูหรูหราและมีความเป็นมืออาชีพ

    • เหมาะสำหรับร้านขายอุปกรณ์เทคโนโลยี เครื่องสำอาง หรือสินค้าแบรนด์เนม

หน้าต่างร้านขายเสื้อผ้า
ผู้หญิงช้อปปิ้ง

5. ร้านค้าสไตล์ทรอปิคอล (Tropical Style Shop)

  • ตกแต่งด้วยต้นไม้ พื้นไม้ หรือวัสดุธรรมชาติ เพื่อสร้างบรรยากาศที่สดชื่น

  • จุดเด่น:

    • ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย

    • เหมาะสำหรับร้านขายสินค้าเพื่อสุขภาพ อาหารออร์แกนิก หรือผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ

6. ร้านค้าสไตล์ญี่ปุ่น (Japanese Style Shop)

  • ใช้แรงบันดาลใจจากความเป็นญี่ปุ่น เช่น ไม้ไผ่ โคมไฟกระดาษ และการจัดวางที่เรียบง่าย

  • จุดเด่น:

    • ให้ความรู้สึกสงบและมีเอกลักษณ์

    • เหมาะสำหรับร้านขายชา สินค้าญี่ปุ่น หรือเครื่องสำอางสไตล์ญี่ปุ่น

568f364132089a09dcff72ba998b3536.jpg
e36cef105e54c75789af6cf97123756d.jpg

7. ร้านค้าสไตล์สแกนดิเนเวียน (Scandinavian Style Shop)

  • ใช้โทนสีอ่อน เช่น ขาว เทา หรือพาสเทล ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และพื้นที่โปร่งโล่ง

  • จุดเด่น:

    • ให้บรรยากาศอบอุ่นและทันสมัย

    • เหมาะสำหรับร้านขายของแต่งบ้าน สินค้าไลฟ์สไตล์ หรือร้านกาแฟเล็ก ๆ

8. ร้านค้าสไตล์อินดัสเทรียล (Industrial Style Shop)

  • โชว์โครงสร้างดิบ เช่น ท่อเหล็ก ปูนเปลือย และวัสดุโลหะ

  • จุดเด่น:

    • เหมาะกับการสร้างความดึงดูดใจในกลุ่มคนรุ่นใหม่

    • เหมาะสำหรับร้านขายเสื้อผ้า รองเท้า หรืออุปกรณ์กีฬา

Old Shop Containing Bottles
Person standing in jewelry shop

9. ร้านค้าสไตล์รีสอร์ท (Resort Style Shop)

  • การออกแบบที่ให้ความรู้สึกเหมือนพักผ่อน ใช้วัสดุไม้ ตกแต่งด้วยต้นไม้และพื้นที่เปิดโล่ง

  • จุดเด่น:

    • เหมาะสำหรับร้านขายสินค้าท่องเที่ยว ของฝาก หรืออาหารสุขภาพ

10. ร้านค้าสไตล์ฟาร์มเฮ้าส์ (Farmhouse Style Shop)

  • การตกแต่งแนวชนบท ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ และสีเอิร์ธโทน

  • จุดเด่น:

    • ให้บรรยากาศอบอุ่นและเรียบง่าย

    • เหมาะสำหรับร้านขายอาหารท้องถิ่น ของแฮนด์เมด หรือสินค้าเกษตร

Local Bakery
e156fe735b9693d7bff24cbd3780cae8_edited.jpg

11. ร้านค้าสไตล์โบฮีเมียน (Bohemian Style Shop)

  • ตกแต่งด้วยสีสันสดใส ลวดลายผ้า และงานแฮนด์เมด

  • จุดเด่น:

    • เหมาะสำหรับร้านขายของแฟชั่น หรือสินค้าที่ต้องการเอกลักษณ์เฉพาะ

    • สร้างความน่าสนใจด้วยการตกแต่งที่ดูสนุกสนาน

12. ร้านค้าสไตล์โฮมมี่ (Homey Style Shop)

  • ออกแบบให้เหมือนอยู่บ้าน ตกแต่งด้วยโซฟา โต๊ะไม้ และเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น

  • จุดเด่น:

    • บรรยากาศเป็นกันเอง

    • เหมาะสำหรับร้านขายของแต่งบ้าน หรือสินค้า DIY

ร้านค้าสร้างสรรค์
b3e9ba5aed53601f04a340f6032bf0ae.jpg

13. ร้านค้าสไตล์คอนเซ็ปต์ (Concept Style Shop)

  • ร้านที่ออกแบบตามธีมเฉพาะ เช่น ร้านที่มีคอนเซ็ปต์อวกาศ หรือสไตล์ศิลปะ

  • จุดเด่น:

    • ดึงดูดลูกค้าด้วยความแปลกใหม่

    • เหมาะสำหรับร้านขายของที่เน้นการสร้างประสบการณ์

14. ร้านค้าสไตล์หรูหรา (Luxury Style Shop)

  • ใช้วัสดุระดับพรีเมียม เช่น หินอ่อน กระจก และโคมไฟคริสตัล

  • จุดเด่น:

    • สร้างภาพลักษณ์ที่ดูหรูหราและน่าเชื่อถือ

    • เหมาะสำหรับร้านขายสินค้าแบรนด์เนม หรือจิวเวลรี

f97f76bb0d792a31af186abb18c2c9dc.jpg
Urban Deli

15. ร้านค้าสไตล์เอาท์ดอร์ (Outdoor Style Shop)

  • เน้นพื้นที่กลางแจ้ง เช่น ลานขายสินค้าหรือตลาดนัดที่มีการตกแต่งด้วยต้นไม้และไฟประดับ

  • จุดเด่น:

    • บรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติ

    • เหมาะสำหรับร้านขายอาหาร เครื่องดื่ม หรือสินค้าเกษตร

bottom of page